วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆบล็อก นานาสาระเกษตร ทุกท่าน วันนี้บังเอิญน้องๆที่ทำงานพูดถึงอาหารการกิน ไม่รู้ยังไงพูดไปพูดมาถึงได้พูดถึงเมื่อสมัยตอนเด็ก ได้กิน ไข่ผำ เจ้าของบล็อก เห็นว่าน่าสนใจดี อีกอย่างบางคนก็อาจจะไม่รู้จักด้วยซ้ำไป ก็เลยลองๆเข้าไปหาดูใน  Google ของเค้าดีจริงๆ หาอะไรก็เจอ ถึงว่ามีคนพูดว่า ถ้าไม่รู้ถาม "กู" 55+ ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับ ไข่ผำ หรือไข่น้ำกันดีกว่า ว่าไอ้เจ้าไข่ชนิดนี้ เป็นมายังไง
องค์ความรู้ ผำหรือเรียกว่า ไข่แหน (Fresh water Alga , Swapm Algae) รู้จักกันในชื่อ ไข่น้ำ , ไข่ขำ , และ ผำ มีชื่อพื้นเมืองทางภาคเหนือเรียกว่า ผำ ทางภาคกลางเรียกว่า ไข่น้ำ ส่วนภาคอีสานเรียกว่า ไข่ผำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า วอลฟ์เฟีย กลอโบซ่า (Wolffia globosa Hartog & Plas) จัดอยู่ในวงศ์เล็มนาซีอี้ (LEMNACEAE)
ไข่ผำ จัดเป็นพืชชนิดหนึ่งที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ อาจลอยอยู่เป็นกลุ่มล้วน ๆ หรือลอยปนกับพืชชนิด
อื่นๆ เช่น แหน , แหนแดง ก็ได้ ไข่ผำ เป็นพืชมีดอกที่มีขนาดเล็กที่สุด รูปร่างเป็นเม็ดกลมเล็ก ๆ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๐.๑ ๐.๒ มม. มีสีเขียวลอยอยู่บริเวณผิวน้ำเป็นแพ มักเกิดในธรรมชาติที่น้ำใส นิ่ง เช่น บึง หนองน้ำ ผำจะพบมากในฤดูฝน นำไปประกอบอาหารได้หลายอย่าง เช่น ผัดไข่ผำใส่หมู แกงไข่ผำ
ผำจะมีรสมัน ผำ ๑๐๐ กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย ๘ กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย เส้นใย ๐.๓ กรม แคลเซียม ๕๙ มิลลิกรม ฟอสฟอรัส ๒๕ มิลลิกรัม เหล็ก ๖.๖ มิลลิกรัม วิตามินเอ ๕๓๔๖IU วิตามินบีหนึ่ง ๐.๐๓ มิลลิกรัม วิตามินบีสอง ๐.๐๙ มิลลิกรัม ไนอาซิน ๐.๔ มิลลิกรัม วิตามินซี ๑๑ มิลลิกรัม คุณค่าทางโภชนาการของไข่ผำ มีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูงมาก แต่เพราะใน ไข่ผำมีสารพิษต้านฤทธิ์สารอาหาร จึงต้องนำไข่ผำมาทำให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง

ผำมีการขยายพันธุ์ มี 2 แบบคือ
   1. การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เนื่องจากไข่แหนเป็นพืชมีดอกขนาดเล็กที่สุด ดอกของไข่แหนจะเจริญเติบโตออกทางช่องข้างบนของต้น ดอกไม่มีกลีบดอก และไม่มีกลีบเลี้ยง ดอกตัวผู้จะมีเกสรตัวผู้ 1 อัน ประกอบด้วยอับละอองเรณู 2 อับ ดอกตัวเมียมีรังไข่ที่มี 1 ช่องและมีไข่อยู่ 1 ใบ ก้านเกสรตัวเมียสั้น ยอดเกสรตัวเมียมีลักษณะแบน เมล็ดมีขนาดเล็ก กลมเกลี้ยง ยังไม่ปรากฏว่าไข่แหนมีดอกในประเทศไทย มีแต่รายงานการพบเห็นในประเทศอื่น ไข่แหนจะมีดอกและเมล็ดในราวๆเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม 2. การสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ โดยการแตกหน่อ ซึ่งมีผู้ทำการศึกษา การเจริญเติบโตแล้วพบว่า โดยเฉลี่ย ไข่แหนแต่ละต้นจะแตกหน่อให้ต้นใหม่ทุกๆ 5 วัน
ประโยชน์ของผำ
   สามารถนำมาปลูกเลี้ยงไว้ในพื้นที่ขนาดเล็ก เหมาะแก่การนำมาใช้ทำเป็นอุปกรณ์ในการศึกษา เช่นการศึกษาอิทธิพลของสารควบคุมการขยายพันธุ์ของพืช  เป็นอาหารของสัตว์น้ำและสัตว์ปีกหลายชนิดนอกจากนี้ ไข่แหน  ยังมีแคลเซียมและเบต้าแคโรทีนสูง
   การเพาะเลี้ยงไข่น้ำ (ผำ)
   ขุดบ่อดินขนาดความลึกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1 เมตรและยาวประมาณ 4 เมตร นำพลาสติกสีดำรองพื้นในบ่อ เพื่อป้องกันมิให้น้ำซึมออก ใส่ปุ๋ยชีวภาพหรือปุ๋ยคอก 20 กิโลกรัม ตามขนาดของบ่อ  เติมจุลินทรีย์ประมาณ 0.5 ลิตร ปล่อยน้ำเข้าบ่อให้เต็ม  แล้วนำพันธุ์ไข่น้ำใส่ลงไป ประมาณ 7 วัน จะขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว  สามารถเก็บไปจำหน่ายหรือรับประทานได้
   ผำ  เป็นวัชพืชของสาหร่าย  เลี้ยงไว้เพื่อใช้บริโภคในประเทศไทย  ผำคือพืชผักชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหาร ชาวชนบทนิยมใช้เป็นอาหาร ส่วนแนวโน้มที่จะพัฒนาผำเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาดและความนิยมของผู้บริโภค เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ
เอกสารอ้างอิง: นัย  บำรุงเวช. โรงพิมพ์พิฆเนศ กทม. ผำเม็ดเล็กคุณภาพล้น. เทคโนโลยีชาวบ้าน. ปีที่8 ฉบับที่150    ประจำวันที่1 กันยายน 2539

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Follow on FaceBook

ฟอร์มรายชื่อติดต่อ

ชื่อ

อีเมล *

ข้อความ *

Popular Posts